“พวกเราชาวทิเบตนอกจากลามะระดับสูงแล้ว ไม่ว่าจะรวย จน ผู้หญิงผู้ชาย ทุกคนเท่ากันหมด” 我们藏族人除了高位喇嘛其他都平等
Tagong altitude 3700M เป็นตำบลที่มีกอมปา (monastery) 2 ที่ วิวเป็น high grassland , snow mountain ช่วงที่ไปหญ้ายังไม่เขียวจัดนัก ไปเดิน Tagong monastery ก่อนเลย ตอนเข้าเห็นไกด์บอกกลุ่มทัวร์จีนให้เดินช้าเพราะความสูง เลยได้สติเดินช้าๆบ้าง สิ่งที่ต้องจำให้แม่นเวลาเข้าวัดคือห้ามใส่หมวก แม้แดด 3700 เมตรจะร้อนเผาขนาดไหน และต้องเดินวนซ้ายเท่านั้น!!!
มีคนท้องที่ และเจ้าของโรงแรมมาชวนไปงานพิธีเผาศพลามะระดับสูง (Kampo) ซึ่งไม่ได้มีจัดบ่อยเหมือน sky burial ที่ทำพิธีอยู่กลางทุ่งหญ้าที่มีสถูปเก็บระดูกของลามะระดับบนรูปก่อนที่มรณภาพไป ทุกคนที่ร่วมงานส่วนใหญ่ใส่ชุดท้องถิ่น ตอนเดินเข้าไปทุกคนหันมามองเนื่องจากเป็นต่างชาติคนเดียว และแต่งตัวแบบตะวันตก ในงานตั้งเต๊นท์ 4 เต๊นท์ตามสี่ทิศ แต่ละเต๊นท์จะเชิญลามะระดับสูงมาประจำและสวดมนต์ ชาวบ้านเอาอาหารเข้าไปเสิร์ฟ เมื่ออาหารเหลือจึงเอามากินกัน ได้นั่งกินเงียบๆกับเค้าด้วย ครานี้ Po cha (butter tea) พอจิบไปเค้ามาเติมให้ตลอด จิบไปมาชักเพลิน คิดได้ว่าอยากรู้จักสถานที่ใด รู้จักวิถีชีวิตเราควรใช้ชีวิตแบบเค้า กินดื่มแบบเค้าโดยไม่มีเงื่อนไข
สักพักรถอัญเชิญศพมาถึง ลามะเข้าไปช่วยแบกเพื่อเอามาใส่ในที่เผา ระหว่างนั้นผู้หญิงห้ามเข้าใกล้ แยกกันชัดเจนผู้หญิงต้องออกไปยืนหลังผู้ชายไกลๆ ศพลามะนั่งสมาธิและมีขนาดเล็กมาก เจ้าของโรงแรมเล่าว่าหลังจากมรณภาพไป 1 อาทิตย์ศพเล็กลงทุกวันจนเท่าที่เห็น เมื่อศพใส่แล้วจุดไฟขวัญแรกลอยไปทางทิศไหน ทิศนั้นคือที่ๆลามะจะไปเกิดใหม่ ระหว่างเผาจะเอาพวกเครื่องเผา เช่น ชานมจามรี เมล็ดชิงเคอ,… ใส่เข้าไปตลอด ช่วงนั้นเหยี่ยวหลายตัวออกมาบินวนอยู่บนท้องฟ้า เค้าเชื่อว่าเป็น miracle มาเพื่อบอกลา ระหว่างนั่งข้างเจ้าของจะนับสร้อยลูกปัดตลอด เงียบไปสักพักอยู่ดีๆก้อพลึมพลัมบทสวด แล้วก้อเงียบ แล้วอยู่ดีๆก้อสวด สุดท้ายเค้าว่าเมื่อเผาเสร็จแล้วจะเห็นกระดูกเป็นเม็ดกลมๆทั้งหมด เราอยู่ร่วมงาน 2-3 ชั่วโมงจึงขอตัวเพื่อไปสำนักชี (ani gompa)
สำนักชี (Ani gompa) อ่านจากบล็อกต่างชาติว่าจาก Tagongสามารถเดินข้ามภูเขา grassland 2-3 ชั่วโมงได้ และฝรั่งที่เจอที่โรงแรมก็เพิ่งไปเดินมา เพื่อความแน่ใจเช็คข้อมูลกับร้านอาหารตรงทางหลวงอีกที แค่เค้าเห็นหน้าเราก็ถามว่าเธอเป็นคนต่างชาติใช่ไหม และเป็นคนไทยใช่ไหม เฮ้ย ช๊อคอีกรอบ มาในเขต Garzeนี่มีคนทายถูกว่าเป็นคนไทยมา 4 คนแล้วนะ เค้าบอกดูจากทีวีบ้าง ในหนังสือบ้าง หวังว่าเค้าคงเทียบเรากับนางเอกนะ 555 เค้าว่าให้เดินตามทางหลวงไปแล้วค่อยขึ้นเขา ทำตามพี่เจ้าของร้าน แต่เมื่อหันหน้าเดินเข้าหาเขา แล้วก้อยังงงว่าแล้วหมู่บ้านมันอยู่ทางไหน เลยก่ะว่าเดินไปถึงยอดเขาแล้วคงมองเห็น กำลังจะเดินขึ้นมีมอไซค์วิบาก (มอไซค์ภูเขา) วิ่งเข้ามาในเขตหญ้า เลยเข้าไปถามทางเพื่อความชัวร์ เค้าว่าได้ ชวนซ้อนไปกับเค้า ซ้อนสามคนขึ้นเขาทางขรุขระ สุดท้ายยังไม่ถึงยอดตัวเองก้อกระดอนตกจากเบาะและดึงเอามอไซค์พลิกและลังน้ำตกลงมาแตกทั้งลัง T-T สักพักเพื่อนเค้าขี่มอไซค์อีกคันมาพอ แล้วก้อล้มข้างๆที่ยืนเลย โอ่ยยย อะไรเนี่ย สุดท้ายเปลี่ยนคันโดยไปกับคนขับคนแรกแค่สองคน ระหว่างทางไปนั้น ในจิตนาการอาจเหมือนหนังโรแมนติก แต่สำหรับเรามันคือหนังสยองขวัญ คือขี่อยู่บนภูเขาที่ต้องผ่านเนินชัน 70 องศาอีกเป็นสิบเนิน ขึ้น 70 ลง 70 จับอานด้านหลังจนแขนไม่มีแรงเหลือ แถมยังผ่านเส้นทางที่ซ้ายเป็นเนินเขาชัน ขวาเป็นเหว ทางดินมอไซค์กว้าง 1 ศอก ตอนนั้นกลัวมาก ถ้าคนซ้อนเอี้ยวตัวแม้แต่นิดเดียว ถึงคนขับจะเก่งแค่ไหนก้อตกเขาได้ทั้งคู่ จุดนั้นได้แต่เชื่อใจและฝากชีวิตไว้กับคนขับ และก้อล้ม (โดนฆาตกรรมแต่ไม่ตาย 55) อีกครั้งที่ทางดินร่องลึกเข้าหมู่บ้าน ครานี้ถึงกับเขียว คนขับลงมาปัดฝุ่นที่ขากางเกงให้ใหญ่ หลังจากนั้นพาเที่ยวรับ-ส่งเปิดเพลงตื๊ดที่เที่ยวทุกจุดในหมู่บ้าน แว๊น…น ❤️ ❤️ ❤️
แต่พอขาออกตั้งใจว่าจะเหมา taxi กลับ Tagong แต่กลับพบว่าบนถนนไม่มีทั้งคนและรถซักคัน นี่มันหมู๋บ้านร้างนิ่ เราไม่รู้มาก่อนว่ามันจะไม่มีรถรับจ้างเลย ขามาก็ไม่ได้ผ่านทางถนนเข้าหมู่บ้าน เอาวะ ยังไงก็ต้องกลับ Tagong เลยเดินเท้าออกไป นี่มันฉากหนังสยองขวัญชัดๆ คนเดียวในหมู่บ้าน
นึกอยากโทรเรียกคนขับมอไซค์แต่ทำไม่ลงด้วยความเกรงใจ เดินไปยังไงถ้าออกถนนใหญ่ค่อยโบกรถเอา เริ่มมืดแล้วด้วย เดินไป 1.5 km มีรถมาจากด้านหลังรีบโบกฉันใด รถก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันนั้นเช่นกัน เสียจายย แต่วิ่งเลยไป 50 เมตรก็เบรคเอี๊ยดเหมือนในหนัง นี่ไงพล็อตฉันถูกต้อง คุณป้าทิเบตโผล่หัวมาโบกมือให้รีบมา ก่ะจะไม่วิ่งบนความสูง 3700 เมตร แต่ฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ต้องรีบสาว เมื่อเปิดประตู อ้ะ … อ้ะ … อ้ะ ลามะ (พระทิเบต) นั่งอยู่ด้านหลัง บ้านเรานั่งด้วยกันไม่ได้ แต่ที่นี่ทิเบตได้จ้า เค้าจะไปส่งลามะที่ Tagong เหมือนกัน เลยได้พูดคุยกับลามะ ลามะโดนบีบให้ออกมาจาก Larung gar (Seda) ที่ซึ่งเป็นจุดหมายแรกของเราก่อนจะเปลี่ยนแผน ได้รับรู้ความจริงที่แสนเศร้าที่ไม่มีในข่าวหน้าไหน Larung gar ถึงเคยศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน แต่การไปเปลี่ยนแปลง เพื่อจัดสรรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้น เมื่อรู้เบื้องหลังแล้วเราคงมองดูด้วยความเสียใจมากกว่าความสวยงาม
เย็นนี้เจ้าของโรงแรมที่ Tagongเชิญลามะชั้นผู้ใหญ่มาเพื่อพูดคุย และเชิญเราร่วมโต๊ะดื่มชาด้วยกัน เค้าคุยกันเป็นภาษทิเบต นั่งฟังเอาบรรยากาศซักพัก ก็ขอแยกตัวเพื่อไปคิดแผนเที่ยวต่อ
One thought on “Tibet Kham#3 – Tagong”